ส่งท้ายปีเก่า ปีฉลูสงสัยจะเป็นปีชงสำหรับ ลิเวอร์พูล เพียงแค่เริ่มปีผลงานก็แพ้ซะแล้ว เมื่อออกไปโดน เซาธ์แฮมป์ตัน สอยเบาๆ0-1 ที่สนามเซนต์ส แมรี่ส์
ส่งท้ายปีเก่า สำหรับด่านต่อไปที่ “ลิเวอร์พูล” จะต้องพบหลังเกมเอฟเอ คัพ กับ แอสตัน วิลล่า ก็คือการจัดการ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกม “แดงเดือด” วันอาทิตย์ที่ 17 เดือนมกราคมนี้ ซึ่งบางทีก็อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของตำแหน่งหัวหน้าฝูงก็ได้ เนื่องจากเดี๋ยวนี้จำต้องสารภาพว่า “ปีศาจแดง” กำลังคึกสุดๆแล้วก็ฟอร์มก็เข้าฟักมากยิ่งกว่าแชมป์เก่าหลายเท่า ข่าวบอลพรีเมียร์ลีก
ฉะนั้นสิ่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องทำขณะนี้ก็คือการกระตุ้นผู้ร่วมทีมให้เรียกฟอร์มเก่งกลับมาให้เร็วที่สุด รวมทั้งแม้เป็นได้ก็ควรจะเดินไปเคาะประตูห้องกระดานบริหารเพื่อของซื้อเซนเตอร์แบ็กธรรมชาติ ดีมากกว่าจะรู้สึกตัวใช้งาน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ่ อย่างนี้
การตัดสินใจของ คล็อปป์ ที่เลือกใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยืนตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กคู่กับ ฟาบินโญ่ นับว่าเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในเกมนี้ ด้วยเหตุว่าทำให้แดนกลางของ หงส์แดง เสียงสมดุลโดยทันที เนื่องจากว่าแผงกองกลาง “ลิเวอร์พูล” สู้แดนกึ่งกลาง เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่ได้เลยในครึ่งแรก
ถึงแม้ว่า “เฮนโด้” จะไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดในการยืนเป็นกองหลังต้อง แม้กระนั้นสิ่งที่น่าเสียดายก็คือขาดกัปตันกลุ่มรอบัญชาเกมในแดนกลาง ส่งผลให้ อัลกันตาร่า ไม่สามารถเล่นเกมรุกได้อย่างอิสระ ด้วยเหตุว่าไม่มีผู้ใดรอมาทำหน้าสกรีนผู้เล่นเจ้าบ้าน ทำให้ ตัวรุกชาวสแปนิช ไม่ว่างที่กำลังจะได้เปิดบอลสวยๆให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และก็ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่
ขณะที่ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม เล่นตามหน้าที่ของตัวเอง แม้กระนั้นด้วยฟอร์มที่ต่ำกว่ามาตรฐานในเกมนี้ทำให้เขาเกือบจะไม่มีส่วนช่วยอะไรกลุ่มเลย แม้กระนั้นที่อาการหนักก็คือ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน รายนี้จะต้องบอกว่าไร้ประโยชน์สิ้นดี เกมรุกก็แย่เกมรับไม่ได้เลย
งานนี้ คล็อปป์ คงจะจำต้องคิดให้รอบคอบในเกม “แดงเดือด” แม้กำเนิดในกรณีที่ โฌเอล มาติป ยังไม่ฟิต เขาอาจจะต้องใช้งาน รีส วิลเลี่ยมส์ กับ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ เซนเตอร์แบ็กดาวรุ่ง ดีกว่าเพราะเหตุว่าทั้งคู่คนเป็นผู้เล่นกองหลังตามธรรมชาติ แล้วก็ให้ เฮนเดอร์สัน ได้กลับไปบัญชาเกมแดนกลางเหมือนเดิม
แดนนี่ อิงส์ อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาในการเล่นให้กับ เซาธ์หมูแฮมป์ตัน ซึ่งสวนกับเวลาที่เจ้าตัวยังเป็นนักฟุตบอลหงส์แดง โดยส่วนหนึ่งส่วนใดคงจะมาจากการที่โดนปัญหาเจ็บรุมเร้ามาตลอดที่ค้าลำแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ และก็เพียงพอสภาพร่างกายฟิตก็ไม่อาจจะเรียกผลงานเก่งๆกลับมาได้
สมัยที่อยู่กับ “ลิเวอร์พูล” อิงส์ ไม่ค่อยได้ลงเล่นเท่าไรนักโดยได้โอกาสลงสนามเพียงแค่ 14 เกมลีกแค่นั้น ก่อนจะระเห็จไปอยู่กับ “เดอะ เซนต์ส” ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (ราว 760 ล้านบาท) จากนั้นนักฟุตบอลก็เบาๆพัฒนาฝีเท้า จนถึงแปลงเป็นตัวหลักของ
ส่งท้ายปีเก่า จังหวะการทำประตูตั้งแต่ตอน 2 นาทีแรก จำต้องเห็นด้วยว่ามาจากสัญชาตญาณแผงหน้าล้วนๆนอกจากนั้น จอมบุกชาวอังกฤษ ยังได้โอกาสสับไกลบริเวณกรอบจุดโทษในตอนช่วงหลัง แต่ว่าโชคดีที่บอลไม่แรง ทำให้ อลีสซง เบ็คเกอร์ เซฟได้อย่างไม่ยากเย็นเย็นนัก แมนยูแห้ว
จะว่าไปแล้วเว้นเสียแต่จังหวะการทำประตูชัยตั้งแต่เวลารุ่งสาง อิงส์ ก็มิได้สร้างอันตรายให้กับเกมรับของ มากเท่าไรนัก แต่ว่าก็อย่างว่าแนวรุกที่ดีจำเป็นต้องสามารถจบสกอร์ได้ในทุกช่องทางได้มี ไม่เชื่อลองดูแนวรุก “เดอะ เร้ดส์” สร้างช่องทางได้เพียบแต่ยิงเข้า กรอบแค่ครั้งเดียวเท่านั้น !!
ต้องยอมรับว่า ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนักในครึ่งแรก เพราะเขามีส่วนทำให้กลุ่มเสียฟรีคิกตั้งแต่ต้นเกม แล้วก็เป็นต้นเหตุให้กลุ่มโดนนำ ขณะเดียวกันอีกไม่กี่นาทีเจ้าตัวก็ทำเสียฟาวล์รวมทั้งโดนใบเหลือง ทำให้ยิ่งเล่นยากมากขึ้นในตอนที่เหลืออยู่ของเกม
ยิ่งกว่านั้นการที่จำต้องรอทำหน้าที่บัญชาเกมแดนกลางโดยไม่มี เฮนเดอร์สัน รอเป็นตัวสกรีนคู่ปรปักษ์ และก็คุมจังหวะเกม ยิ่งทำให้ ว่ากล่าวอาโก้ เล่นได้ยากมากขึ้น อย่างไรก็ดีในช่วงหลังเหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างกลับกัน เมื่อ จอมบุกกลุ่มชาติประเทศสเปน เริ่มจับจังหวะการเล่นได้มากขึ้น แล้วก็มีโอกาสสร้างสรรค์เกมอย่างต่อเนื่อง
แสดงให้เห็นถึงการวางบอลได้อย่างเฉียบคม ผ่านบอลจากเกมรับเป็นเกมรุกได้อย่างเร็ว เป็นนักเตะที่สามารถสร้างโอกาสให้กับกลุ่มได้หลากหลาย ในยากที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และก็ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน อยู่ในตอนเรดาร์ที่เท้าบอด
ส่งท้ายปีเก่า อาจจะด้วยสภาพร่างกายที่ยังไม่ค่อยฟิตสมบูรณ์ ทำให้ ยังเล่นไม่ค่อยเต็มร้อยเปอร์เซนต์ แต่ถ้าเกิดจะมองหาเรื่องดีๆในเกมนี้สำหรับช่วงต้นปีฉลู ก็ต้องบอกว่าฟอร์มของ คงจะทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” พอเพียงจะมีรอยยิ้มได้บ้าง แม้ว่าจะไม่เต็มปากก็ตาม
ไม่รู้จักว่ากำเนิดอาการพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรือไม่ถึงทำให้ฟอร์มการเล่นของ ช็อตไปดื้อๆนับตั้งแต่บุกถลุง “ดิ อีเกิ้ลส์” คริสตัล พาเลซ 7-0 ต่อจากนั้นพวกเขาก็ฟอร์มร่วงกราวรูด จนทำให้ในตอนนี้เหตุการณ์ในการปกป้องแชมป์ลีก เริ่มสั่นคลอนแล้ว
นับจากเกมวันเปิดกล่องของขวัญ หรือ “บ็อกซิ่ง เดย์” พวกเขาทำเป็นแค่เพียงเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-1 ที่แอนฟิลด์ จากนั้นก็ออกไปเสมอกับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แบบไม่มีสกอร์ ซึ่งเป็นเกมแรกในฤดูกาลนี้ที่พวกเขายิงประตู คู่แข่งไม่ได้
จากนั้นก็มาโดนบทสวดจากเหล่าพลพรรค “นักบุญ” ที่จัดแจงฝัง “ลิเวอร์พูล” คาสนามเซนต์ส แมรี่ส์ ซึ่งต้อง บอกเลยว่าผลงานของ ขณะนี้อาจทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” งงเป็นไก่ตาแตกว่ากำเนิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องปัญหาเจ็บที่ตามรบกวน ไม่หยุด จนกระทั่งมาถึงฟอร์มหลุดอย่างที่เห็นในเวลานี้
ที่สำคัญก็คือนี่เป็นครั้งแรกของ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิ่ล ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวออสเตรีย ซึ่งสามารถแย่งแต้ม ในการปะทะกึ๋นกับ พบร์เก้น คล็อปป์ ในฐานะกุนซือ แถมยังเป็น 3 แต้มซะด้วย งานนี้ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่มองเห็นเขาคุกเข่าร้องไห้ หลังจากที่ อังเดร มาร์ริเนอร์ เป่านกหวีดยาวหมดเวลา
ช่วงนี้จะต้องบอกเลยว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดู 2020/2021 เปิดกว้างมากมายๆเพราะมีหลายทีมที่ทำแต้มทั้งยังเทียบเคียงรวมทั้งจี้ตูด “ลิเวอร์พูล” มาก เพราะเหตุว่าแชมป์เก่าดันใจดีไม่ยอมทำแต้มหนีห่าง เนื่องจากสามเกมที่ ผ่านมาพวก เขาเก็บได้เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น
อีกทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีคะแนน 33 แต้มเท่ากัน แต่ว่าแข่งขันน้อยกว่า 1 เกม, เลสเตอร์ ซิตี้ รั้งอันดับ 3 ตามหลังแค่แต้มเดียว รวมถึง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แม้ว่าจะมี 29 คะแนนเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นพวก เขาแข่งขันน้อยกว่า “เดอะ เร้ดส์ “1 แล้วก็ 2 เกมเป็นลำดับ เช่นเดียวกับ เอฟเวอร์ตัน ที่ตามหลัง เพียงแค่ 4 คะแนน
ที่สำคัญในเกมลีกแมตช์ถัดไป หงส์แดง มีคิวจัดการ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามแอนฟิลด์ ด้วยฟอร์มที่ตกอย่างน่าตกใจ ประกอบกับแรงใจที่ท้อใจ สวนกับแข้ง “ปีศาจแดง” คงจะกำลังฮึกเหิม และก็ปรารถนาชัยเพียงแค่ไต่เต้าเองขึ้นเป็นจ่าฝูงแทน งานนี้บอกเลย ว่าเกมแดงเดือดอาจจะเข้มข้นมากกว่าไฟบรรลัยกัลป์ รวมทั้ง “ลิเวอร์พูล” อาจมีสิทธิ์ได้เสียสถิติไร้พ่ายในรังตัวเองก็ได้
แต่ถ้าหากทั้งคู่กลุ่มดันทำเป็นเพียงแค่เสมอ ก็ควรระมัดระวัง เลสเตอร์, สเปอร์ส กับ แมนฯ ซิตี้ เอาไว้ให้ดีๆเพราะทั้งคู่กลุ่มฟอร์มกำลังเบาๆฟื้นขึ้นมาเรื่อยแล้วก็ถ้า คล็อปป์ กับ โอเล่ กุนที่นาร์ โซลชา เกิดสะดุดขาตนเองทั้งสอง ผู้ที่จะได้กิน “พุงปลา” อาจจะเป็น โซเซ่ มูรินโญ่, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หรือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ได้